LEICESTER CITY




ชื่อเต็ม : สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ (Leicester City Football Club)
ฉายา : จิ้งจอกสีน้ำเงิน (The Foxes) หรือ จิ้งจอกสยาม (Siamese Foxes)
ก่อตั้ง : 1884 (as Leicester Fosse)
สนามกีฬา : คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม (King Power Stadium)
ความจุสนาม : 32,500 คน
เจ้าของ : กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ (King Power Group)
ประธานสโมสร : วิชัย ศรีวัฒนประภา (Mr. Vichai Srivaddhanaprabha)
ผู้จัดการทีม : เคลาดิโอ รานิเอรี่ (Claudio Ranieri)
ลีก : พรีเมียร์ ลีก (English Premier League) 
เว็บไซต์ : www.lcfc.comwww.lcfcthai.com
โซเชียลมีเดีย : FacebookInstagramYoutubeLine OfficialTwitter
สโมสรฟุตบอล เลสเตอร์ ซิตี้ เป็นสโมสรฟุตบอลเก่าแก่อีกหนึ่งสโมสรของอังกฤษ ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1884 มีอายุกว่า 132 ปี ตั้งอยู่ในภาคมิดแลนด์ตะวันออกของ อังกฤษ ได้รับฉายาว่า จิ้งจอกสีน้ำเงินในประเทศอังกฤษ และ จิ้งจอกสยามเป็นฉายาที่ได้รับในประเทศไทย มีชื่อเดิมว่า สโมสร เลสเตอร์ ฟอสส์ (Leicester Fosse) ตามชื่อ ถนนสนามเหย้า และเข้าร่วมกับสมาคมฟุตบอลอังกฤษเมื่อปี ค.ศ. 1890 พร้อมกับย้ายมาใช้สนามที่ถนนฟิลเบิร์ตเวย์ ตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1891 เป็น เวลาถึง 111 ปี ต่อมาปี ค.ศ. 2002 จึงเปลี่ยนชื่อสนามแห่งนี้เป็น วอล์กเกอร์ส สเตเดี้ยม ซึ่งมาจาก ชื่อผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยว Walkers ที่เป็นผู้สนับสนุนหลัก ต่อมาในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2010 ทางกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ประเทศไทย โดย นายวิชัย ศรีวัฒนประภา (รักศรีอักษรเดิม) ได้เข้ามาซื้อกิจการทั้งหมดของสโมสร และขยายความจุของสนามเป็น 32,500 ที่นั่ง พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม” (King Power Stadium)
โดยหลังจากการเข้าซื้อกิจการของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ สโมสร เลสเตอร์ ซิตี้ ใช้เวลาเพียง 4 ปีในการกลับคืนสู่ลีกสูงสุดได้สำเร็จในฤดูกาล 2013-2014 ในฐานะแชมป์ เดอะ แชมเปี้ยนชิป หลังจากนั้นแฟนบอลทั่วโลกมีโอกาสได้รู้จัก เลสเตอร์ ซิตี้ มากขึ้นจากการแข่งขันกับทีมที่ได้ชื่อว่ามีแฟนคลับหนา แน่นอย่าง ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เชลซี, อาร์เซน่อล ฯลฯ นอกจากนี้ สโมสรยังมีโครงการ ศูนย์ฝึกอะคาเดมี่ซึ่งถือเป็น 1 ใน 10 ศูนย์ฝึกที่ดีที่สุดใน ประเทศอังกฤษ เพื่อเปิดโอกาสให้นักเตะเยาวชนไทยได้ก้าวสู่ระดับสากลมากขึ้น โดยในฤดูกาล 2014-2015 จิ้งจอกสยาม สร้างปาฏิหาริย์ด้วยการโกงความตายอยู่รอดในพรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จ ก่อนที่ฤดูกาลต่อมาจะสร้างปรากฏการณ์ให้คนทั้ง โลกได้รู้จัก เลสเตอร์ ซิตี้ จากการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้อย่างยิ่งใหญ่ในฤดูกาล 2015-2016


ต้นกำเนิด
สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ฟุตบอลคลับ ก่อตั้งทีมในปี 1884 โดยการรวมตัวของนักเรียนอาวุโสของโรงเรียน “Wyggeston and Queen Elizabeth I College” ในเมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ
ใช้ชื่อว่า เลสเตอร์ ฟอสส์ เอฟซี (Leicester Fosse FC) ก่อนที่สโมสรจะได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของสมาคมฟุตบอล (Football Association) ในปี 1890
สโมสรฟุตบอล เลสเตอร์ ฟอสส์ ในยุคเริ่มต้นใช้สนามฟุตบอลถึง 5 แห่ง ก่อนที่จะมีการย้ายมาอยู่ที่สนามฟิลเบิร์ต สตรีท (Filbert Street) ในปี 1891 โดยในปีเดียวกันได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลลีกมิดแลนด์ (Midland League) ก่อนที่อีก 3 ปีต่อมาจะได้เข้าร่วมการแข่งดิวิชั่น 2
เกมลีกนัดแรกอย่างเป็นทางการของเลสเตอร์ คือเกมที่พ่ายต่อ กริมส์บี้ ทาวน์ ด้วยสกอร์ 4-3 แต่ก็สามารถเก็บชัยชนะนัดแรกได้ในสัปดาห์ต่อมาในเกมกับ ร็อตเธอร์แฮม ยูไนเต็ด ที่ฟิลเบิร์ต สตรีท ก่อนจะสร้างประวัติศาสตร์เอาชนะคู่แข่งมากที่สุด 13-0 ในการพบกับ น็อตต์ส โอลิมปิก ในรายการเอฟเอ คัพ ซึ่งยังเป็นสถิติจนถึงทุกวันนี้
ต่อมาเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำรุนแรง เลสเตอร์ ฟอสส์ ต้องลงแข่งในรายการระดับภูมิภาคแทน ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในปี 1919 โดยได้มีการปรับเปลี่ยนชื่อสโมสรใหม่เป็น เลสเตอร์ ซิตี้ ฟุตบอล คลับ (Leicester City Football Club) เพื่อให้เป็นสโมสรตัวแทนของเมือง และเป็นชื่อที่ใช้สืบจนทุกวันนี้
ยุคทองของจิ๊กจอก
ผลงานของ เลสเตอร์ ซิตี้ มีขึ้นมีลงแล้วแต่ยุคสมัย โดยในยุคที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงคือช่วงยุค 1920-1930 ที่มีนักเตะระดับตำนานสโมสรอย่าง อาเธอร์ แชนด์เลอร์ เจ้าของสถิติผลงาน 273 ประตูใน 12 ปีที่รับใช้สโมสร (1923-1935) และ อดัม แบล็ค เจ้าของสถิติรับใช้สโมสรสูงสุด 528 นัด
ในปี 1929 เลสเตอร์ ทำผลงานในฟุตบอลลีกได้ดีที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรโดยจบฤดูกาลด้วยการเป็นรองแชมป์ เป็นรองแค่ เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ ทีมเดียวเท่านั้น
หลังจากนั้น เลสเตอร์ ผ่านทั้งร้อนและหนาว โดยมีช่วงเวลาที่ภายใต้การคุมทีมของ แมตต์ กิลลีส์ (1958-1968) ที่กอบกู้สโมสร และเซ็นสัญญาคว้าซูเปอร์สตาร์แห่งอนาคตอย่าง กอร์ดอน แบงค์ส และแฟรงค์ แม็คลินต็อก พาทีมเข้าชิงเอฟเอ คัพ 2 สมัยในปี 1961 และ 1963 แต่โชคร้ายพ่ายแพ้ทั้ง 2 ครั้ง โดยในปี 1961 ได้สิทธิ์ร่วมแข่ง ยูโรเปี้ยน คัพ วินเนอร์ส คัพ ด้วยแต่พ่ายแอตเลติโก มาดริด ส่วนในปี 1963 ทำผลงานสุดยอดไร้พ่ายติดต่อกันถึง 18 นัด ยึดตำแหน่งจ่าฝูงอย่างยาวนาน แต่สุดท้ายด้วยอาการบาดเจ็บผู้เล่นมากมายทำให้ผลงานตกลงเรื่อยๆ และพ่ายต่อนัดชิงเอฟเอ คัพ ต่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ผ่านมาจนถึงยุคปี 1971 เลสเตอร์ ซิตี้ กลับมาผงาดอีกครั้งภายใต้การนำของ จิมมี่ บลูมฟิลด์ ที่นำทีมขึ้นชั้นสู่ดิวิชั่น 1 และคว้าโล่แชริตี้ ชิลด์ ครั้งแรกและครั้งเดียวต่อสโมสร ในเกมที่ต้องบันทึกไว้เนื่องจาก อาร์เซนอล แชมป์ดิวิชั่น 1 สละสิทธิ์แข่งขัน ทำให้ เลสเตอร์ แชมป์ดิวิชั่น 2 ได้แข่งกับ ลิเวอร์พูล แชมป์เอฟเอ คัพ แทน
ผลงานของ เลสเตอร์ ภายใต้การนำของ บลูมฟิลด์ ยอดเยี่ยม ทีมมีดาวเด่นอย่าง คีธ เวลเลอร์, แฟรงค์ เวิร์ทธิงตัน และอลัน เบอร์ชีนัลล์ ซึ่งคนหลังสุดยังคงรับใช้สโมสรอยู่ในทุกวันนี้ โดยในช่วงของ บลูมฟิลด์ เป็นช่วงที่ เลสเตอร์ สามารถยืนหยัดบนดิวิชั่นสูงสุดได้ยาวนานที่สุด



ตราสโมสร
เลสเตอร์ ซิตี้ เริ่มมีการใช้ตราสโมสรครั้งแรกในปี
1948 โดยมีรูปสุนัขจิ้งจอกในนั้นด้วย หลังจากนั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงมาใช้เป็นรูปแบบปัจจุบันตั้งแต่ปี 1992 แต่มีการปรับพิเศษในปี 2009-10 เพื่อฉลองวาระครบรอบ 125 ปีของสโมสร โดยมีการเพิ่มเลข 125 เข้าไปใต้ตราสโมสรรูปสุนัขจิ้งจอก แล้วจึงเปลี่ยนกลับมาใช้แบบที่ใช้ในปัจจุบันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
สีประจำสโมสร
เลสเตอร์ ซิตี้ ใช้สีน้ำเงินและสีขาวเป็นสีประจำสโมสรมาตั้งแต่แรก และไม่เคยเปลี่ยนเลยจนถึงปัจจุบัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น